วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

อารัมภบท 3


อารัมภบท 2
          การได้มาพำนักอาศัยในลอนดอน ประเทศอังกฤษนี้ เป็นการเดินทางออกนอกประเทศไทยครั้งแรกของผม และเป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตอีกครั้งหนึ่งของผมเลยทีเดียว หากแฟนผมไม่ได้ขอทุนมาเรียนต่อ และหากเจ้าของทุนไม่อนุมัติทุนให้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาลอนดอนหรือเปล่า ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะเก็บเงินมาเที่ยวสักครั้งในชีวิต แต่พอแฟนผมได้ทุนมาเรียนก็เป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตในที่ที่ไม่คุ้นเคย ในที่ที่มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากเมืองไทยที่ผมอยู่มาทั้งชีวิต บางสิ่งผมก็คิดว่าเมืองไทยยังดีไม่เท่าที่นี่ แต่บางอย่างผมก็คิดว่าประเทศไทยเราดีกว่าเยอะ
อย่างไรก็ตามการได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนชั่วระยะเวลาหนึ่ง (ประมาณสามปี) ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก และทำให้ชีวิตของผมกับแฟนได้ประสบพบเจอหลายสิ่งหลายอย่างทั้งดีและไม่ดี มีความสุขและไม่มีความสุข ถามบางครั้งยังมีเรื่องให้ปวดหัวหรือวิตกกังวลอีกด้วย แต่ทั้งหมดมันก็ทำให้เราสองคนมีความเข้มแข็งขึ้นเยอะ และได้เรียนรู้ในการใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนและสิ่งแวดล้อมที่เราไม่คุ้ยเคย ไม่มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกันคอยช่วยเหลือ มีการปรับตัวเพื่อที่จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข รวมทั้งการหาความรู้เพื่อทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี และการใฝ่รู้ทั้งในเรื่องสิทธิและกฎหมายก็ทำให้เรารอดพ้นจากการหลอกลวงของคนที่ไม่ประสงค์ดีกับเราได้เป็นอย่างดี และที่ผมสะใจมากก็คือ เราสามารถตอบโต้กับคนเหล่านั้นได้อย่างไม่เกรงกลัวเหมือนกับที่คนรอบตัวเรากลัว (ซึ่งสุดท้ายเราก็ชนะ และไม่โดนโกงจากคนเหล่านั้น)
มีบางคนเคยบอกว่า การย้ายที่อยู่ไปอยู่ที่ไกลๆจากเดิมเหมือนการเกิดใหม่ ส่วนตัวผมก็มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ในสิ่งที่เห็นด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนสถานที่จากเดิมมาอยู่ในสถานที่ใหม่ ผู้คนใหม่ๆ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ใหม่ๆ ก็ทำให้เราต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้ใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องมาอยู่โดยลำพังก็เหมือนเกิดใหม่เหมือนที่กล่าวไว้
แต่สิ่งที่เห็นต่างคือ ไม่ว่าเราจะเดินทางไปอยู่ไหน อยู่ไกลขนาดไหนก็ตาม ผมก็คิดว่าเราก็ยังคงไม่ลืมรากเหง้าตัวตนของตนเองหรอก มันเหมือนตัดขาดเพราะระยะทางไกลและเวลาที่ไม่ตรงกัน แต่ทดแทนด้วยการมีเทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาช่วยเติมเต็ม และถึงแม้ว่าจะมีความไม่สะดวกในการติดต่อกันแต่ก็ยังคงมีความสัมพันธ์ทางใจกันอยู่วันยังค่ำ ยังไงก็ยังคงมีความคิดถึงกันอยู่เสมอ ซึ่งผมสังเกตได้จากคนไทยที่มาอยู่ลอนดอนจนได้เป็นพลเมืองของอังกฤษ (ได้สัญชาติอังกฤษ) หลายคนก็ยังคงกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทยทุกปีหรือเกือบทุกปี และโดยเฉพาะเหล่าลุงป้าน้าอาผู้สูงวัยทั้งหลาย ส่วนใหญ่จะบอกกับผมว่าบั้นปลายชีวิตก็อยากกลับไปอยู่หรือไปตายที่เมืองไทยกันซะเป็นส่วนใหญ่
          ลอนดอน เป็นที่ที่ทำให้ความคิดและชีวิตผมเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ได้เรียนรู้ชีวิตหลายอย่างมาก ชีวิตในลอนดอนเป็นอะไรที่บางครั้งก็เรียบง่าย มีชีวิตประจำวันที่แทบจะไม่แตกต่างในแต่ละวัน แต่บางครั้งก็เป็นอะไรที่สลับซับซ้อนมาก เราไม่รู้หรอกว่าวันดีคืนดีจะเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งสังคมและผู้คนในลอนดอนที่มากันจากหลายประเทศทั่วโลก บางคนมาท่องเที่ยว บางคนมาทำงานหรือเรียน และบางคนก็ตั้งใจมาเริ่มต้นมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นที่นี่ ซึ่งก็ร้อยพ่อพันแม่ มีทั้งคนดีและไม่ดี มีน้ำใจและเห็นแก่ตัว ช่วยเหลือและหลอกลวง จริงๆแล้วก็พบเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ทุกที่ทั่วโลก แต่เนื่องจากลอนดอนเป็นเมืองใหญ่ จึงมีโอกาสได้พบเจอสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
          ทุกสิ่งมีสองด้านเสมอ ลอนดอนยังคงเป็นเมืองที่มีชีวิต และเป็นชีวิตที่มีชีวา มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ สวยงาม น่าอภิรมย์ แต่ในขณะเดียวกันก็อย่ามองเพียงด้านเดียว เพราะลอนดอนก็มีมุมมืดที่ควรระแวดระวัง และควรมีสติอยู่เสมอ เพื่อช่วยทำให้ชีวิตที่สวยงามนั้นมีความปลอดภัยได้ในลอนดอน
          ลอนดอนสวยงามและน่าค้นหาเสมอครับ สักครั้งในชีวิตที่เหลือของคุณ ผมแนะนำให้มาใช้ชีวิตในลอนดอนสักหน่อย ลองดูนะครับ เปิดโลก เก็บประสบการณ์เป็นความทรงจำของเราครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น