หลังจากมาลอนดอนได้สักสัปดาห์
เราก็เริ่มโทรหางานกันทันทีเนื่องจากเงินทุนการศึกษาที่แฟนผมได้รับมามีมาให้อย่างจำกัดสำหรับคนเดียว
แต่นี่เรามากันสองคน แถมเงินที่นำติดตัวมาก็ไม่มากนัก ของผมเอามาประมาณแสนกว่าบาท
ซึ่งไม่มากนักสำหรับการใช้ชีวิตในลอนดอนที่ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก
การหางานเป็นสิ่งหนึ่งที่จะมาช่วยให้เราไม่ต้องใช้เงินเก็บมากนัก และยังทำให้เรามีเงินเหลือพอที่จะไปเที่ยวกันทั้งในอังกฤษเองและประเทศในยุโรปได้ตั้งหลายทริป
กลับมาที่การหางาน
เนื่องจากลอนดอนเป็นเมืองใหญ่
มีผู้คนมากมายทั้งที่เป็นคนที่อยู่อาศัยถาวรหรือนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก
รวมถึงคนที่มาทำงานหรือเรียนซึ่งก็จะเป็นช่วงเวลาหนึ่ง
สำหรับผู้ที่มาเรียนที่ลอนดอน ก็จะเป็นคนที่มาลงเรียนภาษา เรียนปริญญาโทและปริญญาเอกซะเป็นส่วนมาก
สำหรับปริญญาตรีก็พอเห็นบ้างแต่ไม่มากนัก และในลอนดอนเองก็มีร้านอาหารไทยอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากอาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของคนอังกฤษ
และร้านอาหารไทยนี้เองก็เป็นที่ที่เด็กนักเรียนไทย (หรือไม่ใช่เด็กก็ตาม)
จะมาสมัครทำงานกันมากที่สุดเพราะอย่างน้อยก็เป็นคนไทยเหมือนกัน
ได้พูดภาษาไทยกันเลยมีความผ่อนคลายในเรื่องงานมากกว่า
ส่วนทางร้านอาหารเองก็นิยมที่จะจ้างเด็กนักเรียนมาทำงานเพราะจะได้จ่ายค่าแรงในอัตราขั้นต่ำและเป็นการจ้างแบบ
part-time ซึ่งจะไม่ยุ่งยากเท่ากับการจ้างงานแบบประจำที่จะต้องมีรายละเอียดและขั้นตอนในการจ้างงานเยอะกว่ามาก
ผมใช้เวลาในการตะลุยโทรไปสอบถามกับทางร้านอาหารเพื่อสมัครงานอยู่เพียง
3-4 วันก็ได้งานทำสมใจ งานแรกในลอนดอนของผมก็คือ ผู้ช่วยเชฟ (หรือลูกน้องพ่อครัว)
นั่นเองครับ งานที่รับผิดชอบก็คือ เป็น Starter Chef กับล้างจานเป็นหลักครับ
สำหรับร้านอาหารไทยในลอนดอนมีหลายแบบ มีทั้งร้านใหญ่มีหลายสาขา
ร้านใหญ่มีน้อยสาขาแต่ก็ขายดีมาก และร้านเล็กๆแบบเจ้าของคนเดียว
(และส่วนมากเจ้าของก็จะเป็นคนทำเองด้วย)
ผมได้ทำงานในร้านอาหารไทยใกล้ๆกับสถานีรถไฟใต้ดินฟูแล่มบรอดเวย์
(Fulham Broadway Tube station) เดินจากสถานีใช้เวลาไม่เกิน
10 นาที เป็นร้านเล็กๆมีพนักงานไม่มากนัก แต่ละวันก็จะมีเด็กเสิร์ฟ 1 คนดูแลหน้าร้านกับในครัวอีก
2 คน ดูแลเรื่องอาหาร ซึ่ง 2 คนในครัวนั้นก็คือ เชฟ (Chef) และผู้ช่วยเชฟนั่นเอง
หน้าที่หลักของเชฟก็คือออกปรุงอาหารจานหลัก
(Main course) ส่วนผู้ช่วยเชฟก็คือทำอาหารก่อนอาหารจานหลักหรือที่เรียกว่า Starter และช่วยเตรียมวัตถุดิบให้กับเชฟในการปรุงอาหารจานหลักบ้างบางรายการ และก็ล้างจานรวมถึงทำความสะอาดร้านก่อนกลับบ้าน
รายละเอียดของงานจะไม่เหมือนกันในแต่ละร้าน
จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆอีกพอสมควร
(เดี๋ยวผมจะทยอยเล่าในครั้งต่อๆไปครับ)
ผมได้งานแรกมาแบบรวดเร็วหลังจากที่ผมโทรเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
และบังเอิญว่าเค้าต้องการรับผู้ช่วยเชฟเพิ่มเพื่อไปทำงานอีกร้านหนึ่งที่เค้าเปิดเพิ่มมาพอดี
ผมเลยได้งานทำในเย็นวันนั้นเลย (โทรคุยตอนบ่ายสอง เริ่มทำงานตอนห้าโมงเย็น)
ทางเจ้าของร้านก็บอกคร่าวๆเรื่องการทำงานรวมถึงค่าแรง
และโทรบอกเชฟให้แล้วว่าผมจะไปเริ่มงาน จริงๆแล้วคนที่รับผมเข้าทำงานไม่ใช่เจ้าของร้านหรอกครับ
เป็นแม่เจ้าของร้าน
เพราะก่อนหน้านี้ผมไปสมัครงานที่ร้านแรกของเจ้าของร้านและที่ร้านแรกนี้เองที่แม่ของเจ้าของร้านเค้าเป็นคนดูแลร้าน
พอคุยกันทางแม่เจ้าของร้านเค้าคงอยากให้ผมได้งาน (คิดเอาเอง)
แกก็เลยบอกกับทางเจ้าของร้านที่เป็นลูกสาวแกว่าให้รับผมเข้าทำงานที่ร้านที่สอง
ผมเลยได้งานด้วยเหตุฉะนี้ (มั้ง ขอกราบขอบพระคุณคุณป้าอีกครั้งครับ :))
ผมไปถึงร้านก่อนห้าโมงเล็กน้อย
ความรู้สึกตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่ก็ตื่นเต้นเล็กน้อยว่าจะเป็นอย่างไรเนื่องจากว่าเราไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานด้านนี้มาก่อนเลย
(ที่เมืองไทยผมทำงานด้านไอที) พอไปถึงก็เจอน้องผู้หญิงคนนึงและเหมือนว่าเจ้าของร้านจะโทรมาบอกแล้วว่าจะมีคนมาทำงาน
น้องผู้หญิงก็ต้อนรับดี แนะนำตัวกันนิดหน่อยและน้องเค้าก็บอกรายละเอียดร้านว่าเริ่มงานกี่โมง
เลิกกี่โมง จะไปซื้อวัตถุดิบได้ที่ไหน (ปกติวัตถุดิบจะสั่งให้มาส่งที่ร้าน
แต่ก็มีบางครั้งก็ไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ) แนะนำพี่ที่เป็นเชฟ ชื่อพี่พัน
(เป็นเชฟที่ผมเคารพมากคนหนึ่ง ทั้งเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต) ทางร้านจะมีอาหารให้
2 มื้อ คือประมาณห้าโมงเย็น จะมีอาหารให้ทานที่ร้าน พนักงานจะนั่งทานด้วยกัน
และก่อนกลับบ้านก็จะมีอาหารให้ไปทานที่บ้านกันคนละกล่อง (Take away)
และผมก็ได้ประสบการณ์ทำงานร้านอาหารอย่างเต็มตัว
เป็นประสบการณ์ใหม่ที่หาไม่ได้จากเมืองไทยและเป็นประสบการณ์ที่สอนให้ผมรู้จักชีวิตมากขึ้นมากเลยทีเดียว
การทำงานวันแรกของผมจบลงประมาณเกือบเที่ยงคืน
ทุกอย่างที่ทำในวันแรกเหมือนแทบไม่ได้ทำเองสักอย่าง พี่พันจะเป็นคนทำให้ดู
คอยอธิบายขั้นตอนทุกอย่าง รวมถึงช่วยทำความสะอาดร้านหลังปิดรับออร์เดอร์ลูกค้า
ผมสัมผัสได้อย่างหนึ่งว่าพี่พันเป็นคนใจเย็นมาก
แยกแยะออกระหว่างการไม่เห็นด้วยกับการรับคนของเจ้าของร้านกับการให้โอกาสเด็กใหม่ไร้ประสบการณ์
(อย่างผม) มาทำงาน
ตอนเดินทางมาทีร้าน
ผมนั่งรถไฟใต้ดินมา แต่ตอนกลับรถไฟใต้ดินหยุดให้บริการแล้ว ก็เลยต้องนั่งรถเมล์กลับ
(รถเมล์ในลอนดอนมีวิ่งตลอดทั้งคืน แต่กลางคืนจะมีน้อยกว่ากลางวัน)
ผมนั่งไปกับพี่พันเนื่องจากบ้านเราไปทางเดียวกัน แต่ผมจะถึงก่อน
ระหว่างทางพี่พันก็เล่าให้ผมฟังเรื่องสัพเพเหระ การใช้ชีวิตในลอนดอน
ถามเรื่องทั่วไปกับผมบ้าง แนะนำการใช้ชีวิตที่ลอนดอนให้ผมบ้าง
สรุปคืองานที่แรกสำหรับผมเป็นอะไรที่ไม่รู้เรื่องเลย
ทั้งขั้นตอนและรายละเอียด รวมทั้งประสิทธิภาพในการทำงาน
แต่ที่ได้มาคือมิตรภาพระหว่างพนักงานด้วยกัน
พี่พันเป็นพี่ใหญ่ใจดีสำหรับน้องๆทุกคน ส่วนน้องผู้หญิงเด็กเสิร์ฟก็เป็นน้องที่น่ารักเป็นกันเอง
ไม่หงุดหงิดกับผมหรือคนอื่นๆเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น