วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

งานแรกในลอนดอน


หลังจากมาลอนดอนได้สักสัปดาห์ เราก็เริ่มโทรหางานกันทันทีเนื่องจากเงินทุนการศึกษาที่แฟนผมได้รับมามีมาให้อย่างจำกัดสำหรับคนเดียว แต่นี่เรามากันสองคน แถมเงินที่นำติดตัวมาก็ไม่มากนัก ของผมเอามาประมาณแสนกว่าบาท ซึ่งไม่มากนักสำหรับการใช้ชีวิตในลอนดอนที่ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก การหางานเป็นสิ่งหนึ่งที่จะมาช่วยให้เราไม่ต้องใช้เงินเก็บมากนัก และยังทำให้เรามีเงินเหลือพอที่จะไปเที่ยวกันทั้งในอังกฤษเองและประเทศในยุโรปได้ตั้งหลายทริป
          กลับมาที่การหางาน เนื่องจากลอนดอนเป็นเมืองใหญ่ มีผู้คนมากมายทั้งที่เป็นคนที่อยู่อาศัยถาวรหรือนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงคนที่มาทำงานหรือเรียนซึ่งก็จะเป็นช่วงเวลาหนึ่ง สำหรับผู้ที่มาเรียนที่ลอนดอน ก็จะเป็นคนที่มาลงเรียนภาษา เรียนปริญญาโทและปริญญาเอกซะเป็นส่วนมาก สำหรับปริญญาตรีก็พอเห็นบ้างแต่ไม่มากนัก และในลอนดอนเองก็มีร้านอาหารไทยอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากอาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบของคนอังกฤษ และร้านอาหารไทยนี้เองก็เป็นที่ที่เด็กนักเรียนไทย (หรือไม่ใช่เด็กก็ตาม) จะมาสมัครทำงานกันมากที่สุดเพราะอย่างน้อยก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ได้พูดภาษาไทยกันเลยมีความผ่อนคลายในเรื่องงานมากกว่า ส่วนทางร้านอาหารเองก็นิยมที่จะจ้างเด็กนักเรียนมาทำงานเพราะจะได้จ่ายค่าแรงในอัตราขั้นต่ำและเป็นการจ้างแบบ part-time ซึ่งจะไม่ยุ่งยากเท่ากับการจ้างงานแบบประจำที่จะต้องมีรายละเอียดและขั้นตอนในการจ้างงานเยอะกว่ามาก
          ผมใช้เวลาในการตะลุยโทรไปสอบถามกับทางร้านอาหารเพื่อสมัครงานอยู่เพียง 3-4 วันก็ได้งานทำสมใจ งานแรกในลอนดอนของผมก็คือ ผู้ช่วยเชฟ (หรือลูกน้องพ่อครัว) นั่นเองครับ งานที่รับผิดชอบก็คือ เป็น Starter Chef กับล้างจานเป็นหลักครับ สำหรับร้านอาหารไทยในลอนดอนมีหลายแบบ มีทั้งร้านใหญ่มีหลายสาขา ร้านใหญ่มีน้อยสาขาแต่ก็ขายดีมาก และร้านเล็กๆแบบเจ้าของคนเดียว (และส่วนมากเจ้าของก็จะเป็นคนทำเองด้วย)
          ผมได้ทำงานในร้านอาหารไทยใกล้ๆกับสถานีรถไฟใต้ดินฟูแล่มบรอดเวย์ (Fulham Broadway Tube station) เดินจากสถานีใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที เป็นร้านเล็กๆมีพนักงานไม่มากนัก แต่ละวันก็จะมีเด็กเสิร์ฟ 1 คนดูแลหน้าร้านกับในครัวอีก 2 คน ดูแลเรื่องอาหาร ซึ่ง 2 คนในครัวนั้นก็คือ เชฟ (Chef) และผู้ช่วยเชฟนั่นเอง
          หน้าที่หลักของเชฟก็คือออกปรุงอาหารจานหลัก (Main course) ส่วนผู้ช่วยเชฟก็คือทำอาหารก่อนอาหารจานหลักหรือที่เรียกว่า Starter และช่วยเตรียมวัตถุดิบให้กับเชฟในการปรุงอาหารจานหลักบ้างบางรายการ และก็ล้างจานรวมถึงทำความสะอาดร้านก่อนกลับบ้าน รายละเอียดของงานจะไม่เหมือนกันในแต่ละร้าน จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆอีกพอสมควร (เดี๋ยวผมจะทยอยเล่าในครั้งต่อๆไปครับ)
          ผมได้งานแรกมาแบบรวดเร็วหลังจากที่ผมโทรเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง และบังเอิญว่าเค้าต้องการรับผู้ช่วยเชฟเพิ่มเพื่อไปทำงานอีกร้านหนึ่งที่เค้าเปิดเพิ่มมาพอดี ผมเลยได้งานทำในเย็นวันนั้นเลย (โทรคุยตอนบ่ายสอง เริ่มทำงานตอนห้าโมงเย็น) ทางเจ้าของร้านก็บอกคร่าวๆเรื่องการทำงานรวมถึงค่าแรง และโทรบอกเชฟให้แล้วว่าผมจะไปเริ่มงาน จริงๆแล้วคนที่รับผมเข้าทำงานไม่ใช่เจ้าของร้านหรอกครับ เป็นแม่เจ้าของร้าน เพราะก่อนหน้านี้ผมไปสมัครงานที่ร้านแรกของเจ้าของร้านและที่ร้านแรกนี้เองที่แม่ของเจ้าของร้านเค้าเป็นคนดูแลร้าน พอคุยกันทางแม่เจ้าของร้านเค้าคงอยากให้ผมได้งาน (คิดเอาเอง) แกก็เลยบอกกับทางเจ้าของร้านที่เป็นลูกสาวแกว่าให้รับผมเข้าทำงานที่ร้านที่สอง ผมเลยได้งานด้วยเหตุฉะนี้ (มั้ง ขอกราบขอบพระคุณคุณป้าอีกครั้งครับ :))
          ผมไปถึงร้านก่อนห้าโมงเล็กน้อย ความรู้สึกตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็ตื่นเต้นเล็กน้อยว่าจะเป็นอย่างไรเนื่องจากว่าเราไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานด้านนี้มาก่อนเลย (ที่เมืองไทยผมทำงานด้านไอที) พอไปถึงก็เจอน้องผู้หญิงคนนึงและเหมือนว่าเจ้าของร้านจะโทรมาบอกแล้วว่าจะมีคนมาทำงาน น้องผู้หญิงก็ต้อนรับดี แนะนำตัวกันนิดหน่อยและน้องเค้าก็บอกรายละเอียดร้านว่าเริ่มงานกี่โมง เลิกกี่โมง จะไปซื้อวัตถุดิบได้ที่ไหน (ปกติวัตถุดิบจะสั่งให้มาส่งที่ร้าน แต่ก็มีบางครั้งก็ไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ) แนะนำพี่ที่เป็นเชฟ ชื่อพี่พัน (เป็นเชฟที่ผมเคารพมากคนหนึ่ง ทั้งเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต) ทางร้านจะมีอาหารให้ 2 มื้อ คือประมาณห้าโมงเย็น จะมีอาหารให้ทานที่ร้าน พนักงานจะนั่งทานด้วยกัน และก่อนกลับบ้านก็จะมีอาหารให้ไปทานที่บ้านกันคนละกล่อง (Take away)
          และผมก็ได้ประสบการณ์ทำงานร้านอาหารอย่างเต็มตัว เป็นประสบการณ์ใหม่ที่หาไม่ได้จากเมืองไทยและเป็นประสบการณ์ที่สอนให้ผมรู้จักชีวิตมากขึ้นมากเลยทีเดียว การทำงานวันแรกของผมจบลงประมาณเกือบเที่ยงคืน ทุกอย่างที่ทำในวันแรกเหมือนแทบไม่ได้ทำเองสักอย่าง พี่พันจะเป็นคนทำให้ดู คอยอธิบายขั้นตอนทุกอย่าง รวมถึงช่วยทำความสะอาดร้านหลังปิดรับออร์เดอร์ลูกค้า ผมสัมผัสได้อย่างหนึ่งว่าพี่พันเป็นคนใจเย็นมาก แยกแยะออกระหว่างการไม่เห็นด้วยกับการรับคนของเจ้าของร้านกับการให้โอกาสเด็กใหม่ไร้ประสบการณ์ (อย่างผม) มาทำงาน
          ตอนเดินทางมาทีร้าน ผมนั่งรถไฟใต้ดินมา แต่ตอนกลับรถไฟใต้ดินหยุดให้บริการแล้ว ก็เลยต้องนั่งรถเมล์กลับ (รถเมล์ในลอนดอนมีวิ่งตลอดทั้งคืน แต่กลางคืนจะมีน้อยกว่ากลางวัน) ผมนั่งไปกับพี่พันเนื่องจากบ้านเราไปทางเดียวกัน แต่ผมจะถึงก่อน ระหว่างทางพี่พันก็เล่าให้ผมฟังเรื่องสัพเพเหระ การใช้ชีวิตในลอนดอน ถามเรื่องทั่วไปกับผมบ้าง แนะนำการใช้ชีวิตที่ลอนดอนให้ผมบ้าง
          สรุปคืองานที่แรกสำหรับผมเป็นอะไรที่ไม่รู้เรื่องเลย ทั้งขั้นตอนและรายละเอียด รวมทั้งประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ที่ได้มาคือมิตรภาพระหว่างพนักงานด้วยกัน พี่พันเป็นพี่ใหญ่ใจดีสำหรับน้องๆทุกคน ส่วนน้องผู้หญิงเด็กเสิร์ฟก็เป็นน้องที่น่ารักเป็นกันเอง ไม่หงุดหงิดกับผมหรือคนอื่นๆเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น